แชทสด ตลอด 24 ชม. | โทร: (+66) 25660498

กลุ่ม เอ

1. เยอรมนี
2. สวิตเซอร์แลนด์
3.ฮังการี
4.สกอตแลนด์

เจ้าภาพอย่างเยอรมนีจะยังเป็นทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดด้วยผลงานการอุ่นเครื่องที่ดูมีของ รวมถึงการกลับมารับใช้ชาติของ โทนี โครส ขณะที่อีกสามทีมอย่าง สกอตแลนด์ ฮังการี และ สวิตเซอร์แลนด์ นั้นมีความใกล้เคียงกันแต่ถ้าให้หาอีกทีมที่เข้ารอบขอยกให้เป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่มักจะเป็นขาประจำในรอบน็อคเอาท์ตบเท้าตาม พลพรรคอินทรีเหล็ก เข้ารอบไป

กลุ่ม บี

1.สเปน
2.อิตาลี
3.โครเอเชีย
4.อัลแบเนีย

“กรุ๊ปออฟเดท” ในยูโร 2024 อย่างแท้จริงกับการมียักษ์ใหญ่อย่าง สเปน อิตาลี และ โครเอเชีย ร่วมสายกัน ซึ่งหากดูจากสภาพทีมและผลงานในช่วงที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทัพกระทิงดุ ยังเป็นทีมที่น่าจับตามองมากที่กับดาวรุ่งหน้าใหม่ฝีเท้าดีที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทกับทีมมากขึ้น ขณะที่ อิตาลี แชมป์เก่ามีการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดครั้งใหญ่ตลอดช่วงที่ผ่านมาทำให้อาจยังต้องใช้เวลาในการหาคนที่ใช่เข้ามาติดทีม ส่วน โครเอเชีย นักเตะแกนหลักส่วนใหญ่ยังคงเป็นชุดเดิมที่เป็นยุคทองของพวกเขาซึ่งแต่ละคนก็อายุมากขึ้นและโรยราไปตามกาลเวลา และคงต้องเสียใจกับ อัลแบเนีย กับการเป็นทีมนอกสายตาในกลุ่มนี้

กลุ่ม ซี

1. อังกฤษ
2. เดนมาร์ก
3. เซอร์เบีย
4.สโลวิเนีย

อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าจับตามองเพราะมีทีมขวัญใจชาวไทยอย่างทีมชาติอังกฤษที่ต้องบอกว่าน่าจะไม่เจองานหนักมากนักกับการผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ขณะที่ เดนมาร์ก เซอร์เบีย และ สโลวิเนีย จะต้องแย้งตั๋วใบสุดท้ายเพื่อเข้ารอบในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่ม ซึ่งคาดว่า ทัพโคนม ที่นำโดย 2 สตาร์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง คริสเตียน เอริคเซน และ ราสมุส ฮอยลุนด์ น่าจะมีโอกาสมากที่สุดจากการที่พวกเขามักจะเข้ารอบน็อคเอาท์ได้บ่อย ๆ ในช่วงหลัง

กลุ่ม ดี

1. ฝรั่งเศส
2. ออสเตรีย
3. เนเธอร์แลนด์
4. โปแลนด์

กลุ่มนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันกับการมีทีมใหญ่อย่าง ฝรั่งเศษ และ เนเธอร์แลนด์ส ขณะที่อีกสองทีมก็ไม่ธรรมดาเพราะมีทั้ง ออสเตรีย และ โปแลนด์ อยู่ร่วมสาย แน่นอน ทีมตราไก่ เต็งหนึ่งของรายการน่าจะผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

อย่างไรก็ตามสำหรับอันดับสองนั้นมีโอกาสที่ม้ามึดอย่าง ออสเตรีย ภายใต้การทำทีมของกุนซือ ราล์ฟ รังนิค มีโอกาสเบียด ฮอลแลนด์ ไปได้เพราะ ทัพอัศวินสีส้ม ณ เวลานี้ดูยังไม่เข้าที่เข้าทางนักภายใต้การทำทีมของ โรนัลด์ คูมัน ฟาน ไดจ์ค ก็เริ่มโรยรา แฟรงกี้ ก็แทบจะแบกแดนกลางอยู่คนเดียว แถมตัวรุกหลาย ๆ คนก็ไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับสโมสร ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่า ทัพกังหันลม จะทำผลงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน ส่วน โปแลนด์ รอบคัดเลือกทำได้ไม่ดีนักและต้องเพลย์ออฟเข้ามาแบบหืดจับฉนั้นน่าจะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มนี้เท่านั้น

กลุ่ม อี

1. เบลเยียม
2. ยูเครน
3. โรมาเนีย
4. สโลวาเกีย

จะเรียกว่าเป็นกลุ่มนอกสายตาก็ว่าได้กับการมีทีมอย่าง เบลเยียม ยูเครน โรมาเนีย และ สโลวาเกีย ซึ่งแน่นอนทีมที่ดูจะมีมาตรฐานกว่าใครเพื่อนก็น่าจะเป็น เบลเยียม ที่มีสตาร์อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ คอยแบกเกมรุกอยู่ ขณะที่ ยูเครน เองหนนี้ก็มีนักเตะหลายคนที่น่าสนใจทั้งสองสตาร์จาก กิโรนา อย่าง อาร์เตม ดอฟบริก และ วิคตอร์ ซีกานคอฟ รวมถึง โอเล็กซ์ ซินเชนโก้ และ มิเคย์โล มูคริค สองแข้งจาก พรีเมียร์ลีก น่าจะพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

กลุ่ม เอฟ

1. โปรตุเกส
2. ตุรกี
3. สาธารณรัฐเช็ก
4. จอร์เจีย

มาถึงกลุ่มสุดท้ายที่มีอีกหนึ่งทีมขวัญใจมหาชนอย่าง โปรตุเกส ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งปีนี้นักเตะหลายคนผลงานเข้าตามาก ๆ ซึ่งก็น่าจะเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มได้หากไม่มีอะไรผิดพลาด ขณะที่ตั๋วใบสุดท้ายคงจะเป็น ตุรกี และ สาธารณรัฐเช็ก ที่ต้องแย่งชิงกัน และอาจจะเป็น ตุรกี ที่อาจจะเฉือนปาดหน้าเข้ารอบไปได้จากองค์ประกอบทีมที่ดูจะสมดุลในทุกตำแหน่ง ขณะที่ จอร์เจีย คงจะมาเน้นเข้าร่วมไม่เน้นเข้ารอบ !

ติดต่อเราได้ตลอด 24 ชม. ที่